· information · 2 min read

Contractions: ฮีโร่ (ที่ถูกเข้าใจผิด) แห่งวงการ Freediving 🏊‍♂️

รู้หรือไม่? อาการ Contractions ที่ชวนหงุดหงิดตอน Freediving ดันเป็นฮีโร่แบบลับๆ ที่ช่วยให้เราดำน้ำได้นานขึ้นนะ!

รู้หรือไม่? อาการ Contractions ที่ชวนหงุดหงิดตอน Freediving  ดันเป็นฮีโร่แบบลับๆ ที่ช่วยให้เราดำน้ำได้นานขึ้นนะ!

Freediving หรือการดำน้ำลึกแบบกลั้นหายใจ เป็นศิลปะที่ท้าทายขีดจำกัดของมนุษย์ แสดงให้เห็นถึงความอึดถึกทนของร่างกายมนุษย์ และในบรรดาความท้าทายนานาชนิดของ Freediving นั้น Contractions ถือเป็น “ฮีโร่ที่ถูกเข้าใจผิด” ตัวจริง! 😈

เจ้า Contractions หรือที่รู้จักกันในนาม Involuntary Breathing Movements (IBM) หรือก็คืออาการที่ร่างกายมันกระตุกอยากหายใจแบบไม่เต็มใจเนี่ยแหละ มันมักจะสร้างความกังวลให้กับนักดำน้ำ เพราะมันทำให้เรารู้สึกอึดอัด และบางครั้งก็ทำให้ตกใจได้ แต่รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้วมันมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดในการช่วยชีวิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำน้ำของเราเชียวนะ! บทความนี้จะพาไปดำดิ่งสู่โลกแห่งวิทยาศาสตร์เบื้องหลัง Contractions ผลกระทบต่อออกซิเจนในสมอง และทำไมมันถึงสำคัญกับนัก Freediving อย่างเราๆ

เข้าใจ Freediving และ Contractions 🌊

Freediving เป็นการกีฬาที่รวมเอาความอดทนทางร่างกาย ความแข็งแกร่งทางจิตใจ และ การทำงานของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพไว้ด้วยกัน ส่วน Contractions ที่ชอบโผล่มาแบบไม่ได้รับเชิญเนี่ย ก็มักจะถูกมองในแง่ลบจากนักดำน้ำ เพราะมันเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังร้องขออากาศอยากหนัก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยใหม่ๆ ได้เผยให้เห็นถึงแง่มุมดีๆ ของมัน โดยเฉพาะกับนักดำน้ำระดับเทพ

การทำงานของร่างกายตอนกลั้นหายใจดำน้ำ 🩺

การกลั้นหายใจดำน้ำจะกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองทางสรีรวิทยาหลายอย่าง ซึ่งเรียกว่า Diving Response เหมือนเป็นปุ่มเปิดระบบประหยัดพลังงาน ของร่างกาย ทำให้ร่างกายใช้ O2 ได้น้อยลง

  • Bradycardia: หัวใจเต้นช้าลง (ประหยัด O2!)
  • Peripheral Vasoconstriction: หลอดเลือดที่แขนขาหดตัวลง (เลือดไปเลี้ยงส่วนสำคัญก่อน!)
  • ความดันโลหิตสูงขึ้น (เร่งส่งออกซิเจนให้ทัน!)

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรักษาออกซิเจนไว้ให้กับอวัยวะสำคัญอย่างสมองและหัวใจ เหมือนเป็นระบบเซฟพลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้านั่นแหละ!

ระยะของการกลั้นหายใจ ⏳

  1. ระยะสบายๆ (Easy-Going Phase): ช่วงแรกของการกลั้นหายใจ ร่างกายจะใช้ “O2” ที่สะสมไว้ และระดับคาร์บอนไดออกไซด์ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
  2. ระยะที่ต้องทน (Struggle Phase): พอคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายเริ่มมากขึ้น ก็จะเกิดอาการอยากหายใจแบบสุดขีด เจ้า Contractions หรือก็คืออาการ diaphragm (กะบังลม) และกล้ามเนื้อหายใจกระตุก ก็จะเริ่มทำงานอย่างหนัก ทำให้การกลั้นหายใจเป็นไปอย่างยากลำบาก เหมือนตอนที่เราพยายามไม่หัวเราะตอนดูหนังตลกในโรงหนังนั่นแหละ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ! 😂

บทบาทของ Contractions ต่อออกซิเจนในสมอง 🧠

งานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่า Contractions ในช่วงระยะที่ต้องทน (Struggle Phase) ของการกลั้นหายใจ มีส่วนสำคัญอย่างมากในการรักษาระดับออกซิเจนในสมอง เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะขาดออกซิเจน (Hypoxia) และคาร์บอนไดออกไซด์สูง (Hypercapnia) เป็นเวลานาน Contractions จะช่วยรักษาการไหลเวียนเลือดไปยังสมอง เพื่อให้แน่ใจว่า สมองของเราได้รับออกซิเจนเพียงพอ เหมือนเป็นระบบส่งอาหารเดลิเวอรี่ฉุกเฉินสำหรับสมองของเรานั่นเอง!

ผลการวิจัยที่น่าสนใจ 📊

งานวิจัยของ Dujic et al. (2009) ศึกษาผลกระทบของ Contractions ต่อ “O2” ในสมองระหว่างช่วง Struggle Phase โดยให้ นักดำน้ำระดับเทพ 8 คน กลั้นหายใจบนบกให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับตรวจสอบการไหลเวียนเลือดในสมองและบริเวณต่างๆ

  • ปริมาณเลือดในสมองเพิ่มขึ้น: การศึกษาพบว่า ระหว่างช่วง Struggle Phase ปริมาณเลือดในสมองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจาก Contractions ที่ช่วยรักษาการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมอง แม้ว่าระดับ “O2” ในเลือดจะลดลงก็ตาม
  • ระดับฮีโมโกลบินผันผวน: ยิ่งเข้าใกล้ช่วงท้ายของ Struggle Phase ความถี่ของ Contractions จะยิ่งเพิ่มขึ้น และการเคลื่อนไหวเหล่านี้สัมพันธ์กับ “การขึ้นลง” ของระดับออกซิเจนในเลือดแดงในสมอง ซึ่งชี้ให้เห็นว่า Contractions ช่วยลดการลดลงของ “O2” ในสมองด้วยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองนั่นเอง
  • หลอดเลือดส่วนปลายหดตัว: Peripheral Vasoconstriction ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Diving Response พบว่ามีส่วนช่วยในการรวมปริมาณเลือดมาส่วนกลางลำตัว จึงช่วยสนับสนุนการรักษาระดับออกซิเจนในสมอง

กลไกเบื้องหลัง Contractions 🔬

งานวิจัยชี้ให้เห็นถึงกลไกหลายอย่างที่ Contractions ช่วยรักษาระดับออกซิเจนในสมองระหว่างการกลั้นหายใจ:

  1. ฟื้นฟูการไหลเวียนเลือดดำกลับสู่หัวใจ: Contractions ช่วยให้เลือดดำไหลกลับสู่หัวใจได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มปริมาณเลือดที่ถูกสูบฉีดออกจากหัวใจในแต่ละครั้ง และเพิ่ม Cardiac Output (ปริมาณเลือดที่หัวใจสูบฉีดออกไปใน 1 นาที) ทำให้ความดันโลหิตคงที่และมั่นใจได้ว่า สมองจะได้รับเลือดที่มี “O2” อย่างต่อเนื่อง
  2. กระตุ้นระบบประสาท Sympathetic: Contractions เป็นตัวกระตุ้นระบบประสาท Sympathetic Nervous System ทำให้หลอดเลือดส่วนปลายหดตัว กระบวนการนี้ช่วยเบี่ยงเบนการไหลเวียนของเลือดจากบริเวณที่สำคัญน้อยกว่า ไปยังสมองและหัวใจ เหมือนเป็นการเปิดเลนพิเศษให้รถพยาบาลวิ่งนั่นแหละ! 🚑
  3. หลอดเลือดในสมองขยายตัว: เมื่อร่างกายมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง หลอดเลือดในสมองจะขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น และ Contractions ก็เป็นตัวช่วยเสริมประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจได้ว่า สมองของเราจะได้รับ “O2” เพียงพอ

เคล็ดลับสำหรับนัก Freediving 🏅

การเข้าใจบทบาทของ Contractions ช่วยให้นัก Freediving จัดการการกลั้นหายใจได้ดีขึ้น นี่คือเคล็ดลับที่นำไปใช้ได้จริง:

  1. เตรียมใจ: การที่เรารู้ว่า Contractions เป็นเรื่องปกติและเป็นประโยชน์ต่อการกลั้นหายใจ จะช่วยให้เราใจเย็นลงในช่วง Struggle Phase เหมือนกับเวลาที่เรารู้ว่ายังไงซะรถไฟฟ้าก็ต้องมา ไม่ต้องลุ้น! 😜
  2. ฝึกฝนความอดทน: เราสามารถฝึกฝนร่างกายให้ทนต่อ Contractions ได้ดีขึ้น เพิ่มขีดความสามารถในการอยู่ใต้น้ำได้นานขึ้นและสบายขึ้น เหมือนกับการฝึกให้ทนต่อความเผ็ดของอาหาร ยิ่งกินบ่อยก็ยิ่งทน! 💪
  3. ใช้เทคโนโลยีช่วย: การใช้นาฬิกาวัดระดับ “O2” ในเลือดและเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยให้เราติดตามการตอบสนองของร่างกายและปรับเทคนิคการดำน้ำของเราได้อย่างเหมาะสม

เคล็ดลับแบบมือโปร: เข้าใจและยอมรับ Contractions และมองว่ามันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายเรากำลังทำงานหนักเพื่อให้เราปลอดภัยและมีประสิทธิภาพขณะอยู่ใต้น้ำ เหมือนกับเสียงบ่นของเพื่อนร่วมงานที่หวังดี แม้จะฟังดูน่ารำคาญ แต่จริงๆ แล้วหวังดี! 😅

บทสรุป 🌟

Contractions ถึงแม้จะสร้างความรู้สึกไม่สบาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของ Freediving ที่ช่วยรักษาระดับ “O2” ในสมอง สนับสนุนการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมระหว่างการกลั้นหายใจ เมื่อนัก Freediving อย่างเราๆ เข้าใจ ยอมรับ และใช้ประโยชน์จาก Contractions เราก็จะสามารถทลายขีดจำกัดของตัวเอง ดำดิ่งสู่ใต้น้ำได้ลึกขึ้น และที่สำคัญ ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย!

ขอให้สนุกกับการดำน้ำ! 🌊🧜‍♂️

Back to Blog